บุคคลธรรมดามีรายได้น้อย ต้องยื่นแบบเสียภาษีไหม?

เชื่อไหมครับว่ามีหลายคนมักเข้าใจผิดว่าบุคคลธรรมดามีรายได้น้อย หรือเคยโดนหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแล้วก็ไม่ต้องทำอะไรต่อ ถือว่าไม่มีภาระเกี่ยวกับภาษีอะไรแล้ว ผมขอบอกได้เลยว่าผิด! ครับ จริงๆ แล้วจะมีเกณฑ์ในการพิจารณาการเสียภาษีอยู่ 

เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ผมขอแบ่งหน้าที่ของบุคคลธรรมดาออกเป็น 2 เรื่อง คือ หน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ และหน้าที่ในการเสียภาษีเงินได้ ครับ

1. หน้าที่ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

หน้าที่แรก คือ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคล พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นการแจ้งต่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรว่าในปีที่ผ่านมาว่าบุคคลธรรมดามีรายได้อะไรบ้าง จำนวนเงินทั้งหมดเท่าไหร่ผ่านการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือชื่อสั้นๆ ที่หลายคนอาจเคยได้ยินบ่อยๆ เช่น ภ.ง.ด.90 ภ.ง.ด.91 และ ภ.ง.ด.94 

ทั้งนี้คนที่มีหน้ายื่นแบบฯ ต้องเข้า 2 เงื่อนไข คือ หนึ่ง ต้องเป็นบุคคลธรรมดา และสอง มีเงินได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งผมได้เอาเกณฑ์ขั้นต่ำมาทำเป็นตารางเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นดังนี้

ตารางเปรียบเทียบ ประเภทเงินได้

เมื่อเข้าเกณฑ์ทั้ง 2 ข้อข้างต้นแล้วก็เข้าเงื่อนไขที่ต้องยื่นแบบ โดยสรรพากรกำหนดระยะเวลาปีละ 2 ครั้ง ดังนี้

1.1 “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี”

เป็นการยื่นแบบแสดงรายการรายได้ประเภท 40(5)-(8) เช่น ค่าเช่า ค่าวิชาชีพอิสระ ค่าขายสินค้า เป็นต้น ที่ได้รับตั้งแต่มกราคมถึงมิถุนายน โดยยื่นภายในเดือนกันยายนของปีภาษีนั้นด้วยแบบ ภ.ง.ด.94 และภาษีที่เสียนี้นำไปเป็นเครดิตหักออกจากภาษีสิ้นปีได้ 

เช่น นาย ก มีรายได้จากการขายสินค้า(เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 8) ตั้งแต่เดือน 1 – 6 ปี 2566 รวมทั้งหมด 200,000 บาท นาย ก สามารถยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน 2566

1.2 “ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสิ้นปี”

เป็นการยื่นแบบแสดงรายการเงินได้พึงประเมินที่ได้รับแล้วตั้งแต่มกราคมถึงธันวาคม และต้องยื่นภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป โดยถ้าทั้งปีมีรายได้จากเงินเดือน(เงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1) เพียงอย่างใดให้ยื่นด้วยแบบ ภ.ง.ด. 91 แต่ถ้ามีรายได้ที่มากกว่าเงินเดือนให้ยื่นด้วยแบบ ภ.ง.ด. 90 แทน 

เช่น นาย ก มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวที่ได้รับในปี 2566 รวมทั้งหมด 300,000 บาท นาย ก สามารถยื่นแบบ ภ.ง.ด. 91 ได้ตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2567

2. หน้าที่ในการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

สำหรับคนที่ไม่เข้าเงื่อนไขของหน้าที่ในการยื่นแบบภาษี ผมขอยินดีด้วยครับ เพราะนอกจากไม่ต้องยื่นแบบภาษีแล้วก็ไม่ต้องเสียภาษีด้วยครับ แต่ใครที่เข้าเงื่อนไขก็ต้องมาทำขั้นตอนนี้กันต่อ นั่นก็คือการคำนวณยอดภาษีที่ต้องชำระให้กรมสรรพากรกันครับ

แต่ไม่ต้องกังวลนะครับ ในขั้นตอนนี้เมื่อคำนวณแล้วอาจจะมียอดภาษีที่ต้องชำระหรืออาจไม่มีภาษีก็ได้ครับ การคำนวณภาษีบุคคลธรรมดาอย่างละเอียดผมขอแนะนำบทความ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คำนวณภาษีอย่างไร? ส่วนวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเบื้องต้น ผมสรุปให้ดังนี้ครับ

Step1: รายได้ หัก ค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิStep2 : เงินได้สุทธิ คูณ อัตราภาษีขั้นบรรได 5% – 35% = ภาษีที่ต้องจ่าย
Step2: เงินได้สุทธิ คูณ อัตราภาษีขั้นบรรได 5% – 35% = ภาษีที่ต้องจ่าย

ตัวอย่าง นาย ก มีรายได้จากการขายสินค้า 1 ล้านบาท มีรายจ่ายและต้นทุนทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง 5 แสนบาท ภาษีที่ต้องชำระคำนวณได้ดังนี้

Step1:  รายได้ขายสินค้า 1 ล้าน หัก รายจ่าย 5 แสน หัก ลดหย่อนส่วนตัว 6 หมื่น = เงินได้สุทธิ 4.4 แสน
Step2: เงินได้สุทธิ 4.4 แสน คูณ อัตราภาษีขั้นบรรได 5% – 35% = ภาษีที่ต้องจ่าย 21,500 บาท

สรุปแล้ว บุคคลธรรมดามีรายได้น้อย ต้องยื่นแบบเสียภาษีไหม?

ผมขอทบทวนอีกให้อีกครั้ง ถ้าเราเป็นบุคคลธรรมดามีรายได้ขั้นต่ำเกินเกณฑ์ที่กำหนดต้องมีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91/94) เมื่อมีหน้าที่ต้องยื่นแบบก็จะต้องคำนวณยอดภาษีแล้วชำระให้กรมสรรพากรด้วย 

แต่ถ้าคำนวณแล้วไม่มีภาษีที่ต้องชำระก็ยื่นแค่แบบแสดงรายการภาษีเงินได้อย่างเดียวได้เลยครับ ขอเตือนตรงจุดนี้ว่าหลายคนมักเข้าใจผิดว่าตนเองเป็น บุคคลธรรมดามีรายได้น้อย ไม่มีภาษีที่ต้องเสียก็ไม่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้จึงโดนปรับกันมาแล้ว จำไว้ว่าหน้าที่ในการยื่นแบบภาษีและหน้าที่ในการเสียภาษีเป็นคนละส่วนกันครับ

3. ผ่อนชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ไหม?

สรรพากรเปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาสามารถผ่อนชำระได้ถ้ามีภาษีที่ต้องชำระตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป ทั้งภาษีครึ่งปีและภาษีสิ้นปี โดยแบ่งผ่อน 3 งวดเท่า ๆ กันและไม่ต้องเสียดอกเบี้ย ผู้เสียภาษีติดต่อขอผ่อนชำระได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาโดยใช้แบบบ.ช. 35 จำนวน 1 ชุด 3 แผ่น ข้อความเหมือนกัน โดย

งวดที่ 1: ชำระพร้อมยื่นแบบแสดงรายการภายในวันที่ 30 กันยายน หรือวันที่ 31 มีนาคม
งวดที่ 2: ชำระภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่ 1
งวดที่ 3: ชำระภายใน 1 เดือนนับแต่วันที่ต้องชำระงวดที่ 2

ถ้าภาษีงวดใดงวดหนึ่งมิได้ชำระภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ผู้เสียภาษีหมดสิทธิที่จะชำระภาษีเป็นรายงวด และต้องชำระคืนภาษีที่เหลือทั้งหมดพร้อมเงินเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของเงินภาษีงวดที่เหลือ

4. ถ้าไม่ยื่นแบบแสดงรายการ หรือไม่ชำระภาษีจะมีความผิดอะไรบ้าง

  • กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91 หรือ 94 ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท
  • กรณีไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน (เศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน) ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี
  • กรณีเจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียก และปรากฏว่ามิได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้แต่ชำระภาษีขาดหรือต่ำไป นอกจากจะต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มแล้ว ยังจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่าหรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระแล้วแต่กรณี เงินเบี้ยปรับดังกล่าวอาจลดหรืองดได้ตามระเบียบที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
  • กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จหรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท

หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว คุณต้องการที่ปรึกษาเพื่อวางแผนและจัดการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ PEAK เรามีพันธมิตรสำนักงานบัญชีมากกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ พร้อมช่วยดูแลคุณ สนใจ คลิก

About Author
profile

jakkapong.so

PEAK’s Assistant to CEO นักบัญชี ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต(CPA) และผู้สอบบัญชีภาษีอากร(TA) ประสบการณ์สอบบัญชีจาก Big4 เพื่อต่อยอดและถ่ายทอดความรู้บัญชี ภาษีที่ถูกต้องให้แก่นักบัญชี ผู้สอบบัญชี รวมถึงผู้ประกอบการที่ใช้ข้อมูลการเงินเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)